วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทัวร์ทะเล วันปิดเทอม


รูปภาพ
ปิดเทอมอำลาพากันเที่ยว นั่งรถเลี้ยวจำพรากจากแดนเหนือ
ที่ลำพูนหมอกควันยังคลุมเครือ แม้ไกลเหลือเราอยากไปอาบไอทะเล

ครูนักเรียนผู้ปกครองจองที่นั่ง ไม่หยุดยั้งแม้ทางไกลไม่หันเห
รถทัวร์ลิ่วมุ่งตรงมิโฉเก โอละเห่ถึงสัตหีบรีบลงเรือ

เรือรบหลวงจักรีนฤเบศร์ ป้องกันเขตน่านน้ำไทยไว้ทุกเมื่
นาวิกโยธินกองทัพรับจุนเจือ ทหารเสือยอดเยี่ยมเปี่ยมพลัง

จากท่าเรือสู่ภาพฝันอันบรรเจิด งามเป็นเลิศสามมิติบนผนัง
เมืองโบราณโอ่โถงล้วนโด่งดัง คนไหลหลั่งเข้าชมสมอุุรา

พิพิธภัณฑ์งามสวยด้วยภาพวาด สู่ตลาดน้ำสี่ภาคดูหลากหลาย
ทานอาหารเดินชมของมากมาย จากนั้นย้ายเข้าพักวัดกระทึงทอง

หาดจอมเทียนวันนี้น้ำสีหม่น จำใจทนลงเล่นด้วยใจหมอง
นำเด็กน้อยมาไกลใคร่ลิ้มลอง เราลอยฟ่องปนขยะซากปลาตาย

อนิจจาพัทยาเมืองท่องเที่ยว ใจห่อเหี่ยวเฝ้าขบคิดจิตหดหาย
นี่นะหรือยิ้มสยามงามมากมาย สิ้นความหมายหากละเลยเฉยเมยกัน

บางคนรอย่ำค่ำน้ำค่อยใส ย่องลงไปลอยคอโต้คลื่นฝัน
ทัวร์โรงเรียนดอยแช่แพะยันต์ ต่างสัมพันต์สามัคคีมีสุขใจ

นอนโรงแรมชั้นหนึ่งซึ้งใจสุด พวกเรามุดใต้ศาลาอย่าสงสัย
มือตีนตบยุงร้ายมหาภัย เช้าก่อนไกลซื้อของฝากถ้วนทุกคน

สู่เมืองกรุงมุ่งสู่สวนสยาม เราเล่นน้ำสไลเดอร์กันอีกหน
ทะเลกลางพาราได้มายล สุขเหลือล้นเที่ยวไกลเมืองไทยเร

เดินปะปนคนต่างชาติไมขาดสาย สลับย้ายเครื่องเล่นที่จ่ายเหมา
ที่เมารถตื่นใจก็หายเมา สามารถเข้าชมได้ทุกรายการ

ทั้งม้าหมุนล่องซุงและท่องป่า ล้วนตื่นตาประทับใจทุกสถาน
ได้ร่วมกิจกรรมใจเบิกบาน นั่งรถกลับถึงบ้านสำราญใจ


รูปภาพ

ลีลาวดี

ปิดเทอมอำลาพากันเที่ยว นั่งรถเลี้ยวจำพรากจากแดนเหนือ ที่ลำพูนหมอกควันยังคลุมเครือ แม้ไกลเหลือเราอยากไปอาบไอทะเล ครูนักเรียนผู้ปกครองจองที่นั่ง ไม่หยุดยั้งแม้ทางไกลไม่หันเห รถทัวร์ลิ่วมุ่งตรงมิโฉเก โอละเห่ถึงสัตหีบรีบลงเรือ เรือรบหลวงจักรีนฤเบศร์ ป้องกันเขตน่านน้ำไทยไว้ทุกเมื่อ นาวิกโยธินกองทัพรับจุนเจือ ทหารเสือยอดเยี่ยมเปี่ยมพลัง จากท่าเรือสู่ภาพฝันอันบรรเจิด งามเป็นเลิศสามมิติบนผนัง เมืองโบราณโอ่โถงล้วนโด่งดัง คนไหลหลั่งเข้าชมสมอุุรา พิพิธภัณฑ์งามสวยด้วยภาพวาด สู่ตลาดน้ำสี่ภาคดูหลากหลาย ทานอาหารเดินชมของมากมาย จากนั้นย้ายเข้าพักวัดกระทึงทอง หาดจอมเทียนวันนี้น้ำสีหม่น จำใจทนลงเล่นด้วยใจหมอง นำเด็กน้อยมาไกลใคร่ลิ้มลอง เราลอยฟ่องปนขยะซากปลาตาย อนิจจาพัทยาเมืองท่องเที่ยว ใจห่อเหี่ยวเฝ้าขบคิดจิตหดหาย นี่นะหรือยิ้มสยามงามมากมาย สิ้นความหมายหากละเลยเฉยเมยกัน บางคนรอย่ำค่ำน้ำค่อยใส ย่องลงไปลอยคอโต้คลื่นฝัน ทัวร์โรงเรียนดอยแช่แพะยันต์ ต่างสัมพันต์สามัคคีมีสุขใจ นอนโรงแรมชั้นหนึ่งซึ้งใจสุด พวกเรามุดใต้ศาลาอย่าสงสัย มือตีนตบยุงร้ายมหาภัย เช้าก่อนไกลซื้อของฝากถ้วนทุกคน สู่เมืองกรุงมุ่งสู่สวนสยาม เราเล่นน้ำสไลเดอร์กันอีกหน ทะเลกลางพาราได้มายล สุขเหลือล้นเที่ยวไกลเมืองไทยเรา เดินปะปนคนต่างชาติไมขาดสาย สลับย้ายเครื่องเล่นที่จ่ายเหมา ที่เมารถตื่นใจก็หายเมา สามารถเข้าชมได้ทุกรายการ ทั้งม้าหมุนล่องซุงและท่องป่า ล้วนตื่นตาประทับใจทุกสถาน ได้ร่วมกิจกรรมใจเบิกบาน นั่งรถกลับถึงบ้านสำราญใจ
โดย: Flower Panphan

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

รางวัลชีวิต


รางวัลชีวิต
http://www.wisdomthai.com/home/kron_show.php?cat_id=3&show_id=1976
ยกคุณความดีให้แม่พ่อ
ฝู้เกิดก่อและฝึกฝน
คุณครูถ้วนทุกคน
ให้อดทนทำความดี

เพลงกล่อมขวัญอุ่นรัก
พาให้รักในศักดิ์ศรี
ปู่ ย่า ตายายมี
ของดีดีในบ้านเรา...

ยกคุณความดีให้แม่พ่อ
ฝู้เกิดก่อและฝึกฝน
คุณครูถ้วนทุกคน
ให้อดทนทำความดี

เพลงกล่อมขวัญอุ่นรัก
พาให้รักในศักดิ์ศรี
ปู่ ย่า ตายายมี
ของดีดีในบ้านเรา..

โป๊ยเซียน


โป๊ยเซียนเบ่งบานให้โชค.............ลาภสุขโฉลก
เงินทองมากมีอนันต์นับ
รวยเพราะขยันหาทรัพย์..............ชะตาไม่อับ
ดั่งผึ้งน้อยหาน้ำหวาน
โป๊ยเซียนชูช่อเบ่งบาน................นับเป็นสัญญาน
รุ่งเรืองเฟื่องฟูเอย..



1

หยุดคำพร่ำเพ้อพรรณนา


ป่านนี้แล้ว....
ป่านนี้คงลืมกันได้สนิท
ป่านนี้คงมีมิตรหน้าใหม่ใหม่
ป่านนี้แล้วคิดถึงอีกทำไม
ป่านนี้ใจยับเยินเกินเยียวยา

แล้วเมื่อไรจะลืมอย่างเขาบ้าง
แล้วเมินหมางห่างเหินไม่บ่นหา
แล้วหยุดคำพร่ำเพ้อพรรณนา
แล้วยิ้มร่าเริงรื่นชื่นชีวัน

คิดถึงคนปลายหล้าเสียจริงหนอ

เรียงร้อยรักเป็นกลอนอ้อนมาถึง
ฝากคะนึงซึ้งทรวงล่วงลาหาย
ทิ้งให้เศร้าเหงาอยู่อย่างเดียวดาย
ยังมิวายแอบมองจ้องสัมพันธ์

ให้คนดีมีสุขทุกวิถี
มีคนที่ดูแลอย่างสุขสันต์
เฝ้ารอคอยด้วยใจรักต่อกัน
มิหวาดหวั่นนานแค่ไหนใจเขาร

จิบน้ำชาใจอิ่มยิ้มกับฟ้า
คิดถึงคนปลายหล้าเสียจริงหน
ซึ้งใจนักรักหวงห่วงพะนอ
เคยเคล้าคลอใกล้อรุณอุ่นเอมใจ

ฝากหัวใจแนบกลอนตอนคิดถึง
ใครคนหนึ่งคอยอยู่เขารู้ไหม
หวานลำนำคำคมระทมใน
ส่งมอบให้สาวสาวราวแจกฟรี...
^_^ ^_^ ^_^

บ้ากันวันละนิดจิตแจ่มใส

อาจจะคิดผิดแผกความแตกต่าง
อาจจะสร้างฝันไกลไร้กรอบขัง 
อาจจะดิ้นสิ้นใจไร้พลัง
อาจจะหวังริบรี่ที่ปลายทาง

อาจจะฟุ้งปรุงแต่งใช่แสร้งว่า
อาจจะท้าอำนาจจนบาดหมาง
อาจจะคลำไม่เห็นเป็นทิศทาง
อาจจะว่างไร้กรอบที่ชอบธรรม

อาจจะดีจะดังดูโดดเด่น
อาจจะเป็นขาใหญ่ไม่เคยคว่ำ
อาจสะดุดสุดตัวหัวคะมำ
อาจจะขำล้มกลิ้งนิ่งแน่นอน

อาจจะบ้าดีเดือดดุเลือดพล่าน
อาจรำคาญใจใครใคร่สั่งสอน
อาจมีส่วนดีบ้างในบางตอน
อาจจะร้อนจะหนาวอาจร้าวราน

อาจจะตายหายไปจากโลกนี้
อาจไม่มีตัวตนทนก้าวผ่าน
อาจจะรักหรือชังตามต้องการ
อาจจะนานแสนนานกาลเวลา

ก็บ้ากันวันละนิดจิตแจ่มใส
ก็คิดไปโลกนี้มีปัญหา
ก็เครียดกันเกินไปเองนี่นา
ก็ลองบ้าฟุ้งบ้างเป็นอย่างไร......

จากแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
"คุณหมออิอ๊ะ คนไข้ฮาเฮ"

เขาว่าเราแต่งกลอนโพสออนไลน์


เขาว่าเราแต่งกลอนโพสออนไลน์
อ่านอ่านไปเหมือนเซียมซีที่เคยเสี่ยง
โอ้รักหายไร้คู่มาใกล้เคียง
เป่าโอมเพี่ยงเท่าไหร่ไร้มนตรา

เขาว่าคนอย่างเราเศร้าตลอด
ไร้คนพลอดพะนอ ยากสรรหา
แต่งกลอนหวานอ้อนเท่าไรเสียเวลา
ปานคนบ้าคลั่งไคล้ไร้มารยา

เขาว่าเราแต่งกลอนไม่โดนจิต
ไร้จริตไร้เล่ห์เสน่หา
แต่งทื่อทื่ออ่านไปไม่ตรึงตรา
อย่าดีกว่ามันไม่ใช่มันไม่โดน
6

วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2556

บ้านกลอน บ้านเรา โดย Flower Panphan (บันทึก) เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2013


บ้านกลอน บ้านเรา

โดย Flower Panphan (บันทึก) เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2013 เวลา 11:05 น.
คำว่าบ้านคือสถานที่พักพิง
ได้แอบอิงอาศัยได้ไออุ่น
มีรักใคร่ไมตรีมีการุณ
มีน้ำใจเจือจุนทุนสังคม

บ้านกลอนคือบ้านเราที่เนานาน
เราเบิกบานบ้านนี้มีเงาร่ม
มีเพื่อนพ้องพี่น้องปองชื่นชม
ร่วมภิรมย์อ่านเขียนเวียนคำกลอน

ณ บ้านนี้เวียนมาพักอาศัย
บ้างจากไปบ้างก็ลามาผลัดผ่อน
บ้างหายหน้าไปนานเพื่อนอาวรณ์
เชิญชวนย้อนกลับมาต่างอาลัย

ตั้งคำกลอนบทกวีมีหลายหลาก
มีเรื่องมากตั้งประเด็นเช่นปราศัย
มีปัญหาขัดข้องบ้างหมองใจ
เคลียร์กันได้พี่น้องปรองปรีดา

บ้างติติงท้วงถามตามสงสัย
บ้างน้อยใจบ่นท้อครหา
ธรรมดาโลกนี้อนิจจา
ต่างนินทาสรรเสริญเจริญใจ

บางกะทู้เรื่องสั้นนั้นสนุก
บางทีทุกข์อ่านแล้วน้ำตาไหล
นี่แหละหนารสชาติบ้านกลอนไทย
จากถิ่นไหนล้วนร่วมรักสามัคคี

ใบไม้ร่วง โดย Flower Panphan (บันทึก) เมื่อวันที่ 8 มกราคม 201


ใบไม้ร่วง

โดย Flower Panphan (บันทึก) เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2013 เวลา 21:07 น.
อากาศทนาวเหลือใจใบไม้ร่วง
ลาไม่ห่วงต้นกิ่งทิ้งร่างถม
กาลเวลาหมุนไปไม่ระทม
ปล่อยอารมณ์เปลี่ยนไปดังใบงาม

เมื่อหมดค่าอาศัยใบร่วงหล่น
เราเป็นคนหมดหน้าที่มีคำถาม
ปล่อยชีวิตเดินไปตามนิยาม
อย่ามองข้ามสัจจะแล้วละเลย

เมื่อถึงคราจบสิ้นถวิลหา
มิยอมลาร่วงโรยอย่างไรเหวย
หรือเสพติดค่าตนจนคุ้นเคย
จึงกอดเกยมิห่างร้างลาไป

อนิจจังฟังแล้วโปรดยั้งคิด
นี่ชีวิตคนเราแน่ไฉน
มีเกิดแก่ป่วยเจ็บตามวันวัย
หลงอะไรเกียรติกามตามโลกา

วัฏจักรวงเวียนเปลี่ยนแปรผัน
ตามคืนวันเดือนปีมีพรรษา
สร้างวงปีกับต้นไม้ก่อนอำลา
แล้วชีวาฝากสิ่งใดให้โลกดู

ใบไม้ร่วงกรูกราวคราวร้อนแล้ง
แดดยิ่งแรงร่วงใบให้ต้นอยู่
ผลัดใบใหม่งอกงามตามฤดู
น่าชื่นชูไม้ผลัดใบใจนึกตรอง.... 

ขอบคุณภาพประกอบจากเพื่อนแจ้นนะคะ อิอิ

เพื่อน โดย Flower Panphan (บันทึก) เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2013


เพื่อน

โดย Flower Panphan (บันทึก) เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2013 เวลา 8:19 น.
แม้นกหนูปูปลายังหาหมู่
ไม่อาจอยู่ลำพังอย่างโดดเดี่ยว
สังคมคนสามัคคีรู้กลมเกลียว
ต้องแลเหลียวพึ่งพาเอื้ออาทร

เมื่อพบกันสวัสดีมีความหมาย
ได้ทักทายยิ้มแย้มต่อกันก่อน
คือสัญญานไมตรีมีขั้นตอน
รู้จักอ่อนน้อมใจด้วยไมตรี

ด้วยน้ำใจห่วงใยคอยไต่ถาม
ห่วงถึงความเจ็บไข้ไม่สุขี
นี่แหละหนามิตรแท้สหายดี
จำต้องมีเพือนปลอบเรายามเหงาใจ

ไม่มีใครอยู่ได้โดยไร้เพื่อน
ช่วยติงเตือนชี้นำคำขานไข
ยามเพื่อนสุขร่วมสุขสนุกไป
ยามยากไร้ช่วยเหลือเกื้อหนุนกัน

ความรักเพื่อนสูงค่ากว่ารักคู่
เพื่อนย่อมรู้ซื่อตรงและคงมั่น
รักคู่รักเลิกร้างจืดจางพลัน
เพื่อนเท่านั้นเข้าใจไม่ซ้ำเติม

มิตรภาพเป็นสิ่งดีมีความหมาย
สุขใจกายเพราะเพื่อนดีที่ส่งเสริม
ช่วยสรรค์สร้างย่างก้าวไกลกว่าเดิม
เพื่อนพูนเพิ่มค่าชีวิตจิตใฝ่ธรรม 

จากใจ โดย Flower Panphan (บันทึก) เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2013


จากใจ

โดย Flower Panphan (บันทึก) เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2013 เวลา 8:34 น.
เพื่อนนักกลอนที่รักและคิดถึง
ทั้งที่ซึ้งเพิ่งได้พบและคบหา
กลอนบทนี้ที่ฉันพรรณนา
ด้วยเหนื่อยล้าอ่อนไหวใจอาวรณ์ 

ฉันหนาวเหน็บเจ็บร้าวใจป่วนปั่น
ไกลฝั่งฝันกวีกานท์ชาญอักษร
ไร้คนรักนำพามาต่อกลอน
สุดสะท้อนสุดตรมขมในใจ

คนท้ายแถวแมวมองไม่มองหา
โศกอุราหม่นเศร้าเขาผลักไส
ทุกคนเบือนเลือนห่างร้างสายใย
ดั่งหมอกไหววูบวับกับสายลม 

จะเป็นไปเช่นนี้อีกกี่หน
กาลวิกลจนวิกฤตจิตขื่นขม
น้ำตารินหยดไหลหทัยตรม
ไม่สุขสมในวงวรรณอันเกรียงไกร 

ไม่เด่นดาวพราวฟ้าแสนล้าหลัง
แถมคนชังนักหนาว่าเหลวไหล
หมดสิ้นหวังแววกวีมิก้าวไกล
คงจะใกล้อวสานกานท์กวี 

หมดพลังสร้างสรรค์อันแกล้วกล้า
ไร้คุณค่าใดใดในศักดิ์ศรี
ฝากลำนำย้ำเอ่ยเผยวจี
คิดอีกทีสู้ไม่ถอยข้อยรักกลอน...555 




ใฝ่ดี ดีแน่


ใฝ่ดี ดีแน่

โดย Flower Panphan (บันทึก) เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2013 เวลา 21:53 น.
 เยาวชนคนไทยใฝ่ดีทั่ว
 ไม่ต้องกลัวความยากลำบากหนา
ควรทำตัวพอดีมีราคา
รู้คุณค่าของตนคนเหมือนกัน 

รู้เพียงพอใช่แต่แค่เป็นอยู่
แต่ควรรู้ลู่ทางที่สร้างสรรค์
เร่งเรียนรู้วิชาสารพัน
ในทุกวันอย่าปล่อยว่างให้สร้างงาน

เวลาที่มีอยู่ควรรู้ค่า
แบ่งสรรมาดีพอบริหาร
ล่วงเลยลับไม่กลับแล้ววันวาน
เพราะว่ากาลล่วงลับกับชีวี

อีกทั้งยังรู้จักใช้ให้พอเหมาะ
อย่าเทียวเลาะเดินห้างอย่างเศรษฐี
มีเงินน้อยก็แบ่งใช้ให้พอดี
อย่าสร้างหนี้มีบัตรรูดดูดเงินเรา...

ผู้กล้า...

โดย Flower Panphan (บันทึก) เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2013 เวลา 9:37 น.
หนทางแห่งสันติไมตรี....
เข้าใจและผ่อนปรน
เคร่งครัดที่ตนให้คนเห็น
ลำบากยิ่งยอมบำเพ็ญ
เพื่อร่มเย็นแห่งโลกา

อุทิศแม้ชีพพลี
ยินดีสละสุขหรรษา
มอบร่างกายหัวใจไม่นำพา
คือคนกล้าเปลี่ยนโลกพ้นโศกตรม.
เดินทางกลางกระแส
ย่ำแย่เพียงใดใครทับถม
ยังตื่นเต็มบุกฝ่่าค่านิยม
ที่ชื่นชมกามาน่ายินดี.
เปิดไฟเพื่อนำทาง
ส่องสว่างหรือบางคราก็ริบหรี่
ยังประกาศก้องโลกสันถวไมตรี
หนทางนี้ผู้เจริญเดินเถิดเอย....
1

เมื่อฉันได้เป็นคุณแม่แฝดสาม (triplets mom)


เมื่อฉันได้เป็นคุณแม่แฝดสาม (triplets mom) no.14

โดย Weelaipan Fhon (บันทึก) เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2013 เวลา 21:56 น.
วันนี้เป็นวันที่หนูๆๆ อายุได้ 7 เดือน กับ 19 วัน น้ำหนักส่วนสูงวัดล่าสุดเมื่อตอนไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่คลีนิคคุณหมอสมพร นาวินหนัก 8.6 โล สูง 70 ซ.ม. นาวีหนัก 8.7 โล สูง 70 ซ.ม. และนาวาหนัก 6.6 โล สูง 65 ซ.ม. คราวนี้แม่อัพเดทช้ากว่าที่ผ่านมานิดนึง สาเหตุก็เพราะรอพัฒนาการของนาวาอยู่ คือตั้งใจวาจะรอให้นาวาคว่ำเองได้ก่อนแล้วค่อยบันทึกไปทีเดียว ปรากฎว่านางก็ไม่ยอมคว่ำเองซะที จับนอนหงายสักพักก็งอแงให้จับนอนคว่ำถึงจะพอใจ ตอนแรกก็นอนใจว่าเดี๋ยวนางอยากคว่ำก็คว่ำเองแต่รอแล้วรออีกจนเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนี้ยายเป็นคนเห็นหนูนาวาคว่ำเองเป็นครั้งแรก แต่ก็แอบมีตัวช่วยโดยการดึงห่อแพมเพิสนิดนึง แต่แค่นี้ก็ดีแล้วเพราะที่ผ่านมาอีนางน้อยแกไม่พยายามเล้ย 


สำหรับพัฒนาการในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาของสองหนุ่มจะมากกว่านาวา คือคว่ำหงายเองได้ คืบได้ เวลาดึงแแขนจะลุกขึ้นยืนมั่นคง ส่วนนาวานอกจากคว่ำหงายได้แล้วก็มียืนได้มั่นคง และทั้งสามคนสามารถใช้มือหยิบจับของเล่นเองได้ทุกชิ้นแล้ว เวลาเล่นเครื่องเล่นก็เล่นได้ทุกอย่าง แต่ทั้งสามคนยังนั่งได้ไม่มั่นคง ยังต้องระวังหงายหลังอยู่

ทางด้านอารมณ์และการสื่อสาร ทุกคนก็ยังอารมณืดีเหมือนเดิม ยกเว้นเวลาง่วงกับหิว จะปั่นป่วนกันน่าดู นาวินเสือยิ้มยากแต่เวลาพอใจดีใจก็จะร่าเริงสุดๆ มีการกรีดๆแบบสะใจ นาวีก็จะอารมณ์ขันกว่าคนอื่นออกแนวหัวเราะเอิ็กอ้าก ส่วนนาวาก็จะยิ้มงานที่สุดแต่อารมณ์ขันและหัวเราะน้อยกว่านาวี นอกจากนี้เวลาเห็นหน้าแม่หรือน้าจิ๊กก็จะดีใจเป็นพิเศษ และจะมีนาวินกับนาวีที่มีการร้องไห้เวลาเราลุกหรือเดินหันหลังจากเขาไป เวลาบอกว่าป๊ะๆ ก็จะชูแขนให้อุ้ม ถ้าไม่อุ้มก็จะร้องไห้ 555 

ส่วนการนอนหลับพักผ่อนก็ยังใกล้เคียงกับช่วงสองเดือนก่อนคือ นอนช่วง 18.00 - 19.00 น. ตื่น ตี 3 ดื่มนม ตื่นเช้าตอน 6.30 -7.30 น. ตื่นมาแล้วก็ฟังแม่ร้องเพลง ท่องเอบีซี ฯลฯ ให้ฟัง แล้วจึงอาบน้ำแต่งตัวแล้ว ดื่มนมแม่ตอน 9.00 น. และแม่ก็ตั้งใจว่าถ้าหนูๆอายุได้ 9 เดือนถึงจะงดมื้อตีสามของหนูๆ
สรุป สุขภาพร่างกายและพัฒนาการหนูๆก็เป็นที่น่าพอใจของพ่อแม่และคุณหมอดี ส่วนนาวาคุณหมอบอกไม่ต้องกังวลเพราะพวกเราเกิดก่อนกำหนดตั้ง 7 สัปดาห์ อาจจะมีบางอย่างช้าไปบ้างไม่เป็นไร ฟังอย่างนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อยเนาะ ^__^

นาวิน
นาวี
นาวา

ความหวังของพ่อ


ความหวังของพ่อ

โดย Flower Panphan (บันทึก) เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2013 เวลา 17:05 น.
"  ยามแก่เฒ่า   หวังเจ้า   เฝ้ารับใช้
    ยามป่วยไข้    หวังเจ้า   เฝ้ารักษา
    เมื่อถึงยาม     ต้องตาย  วายชีวา
    หวังลูกช่วย     ปิดตา      เมื่อสิ้นใจ  "

   เคยถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงเติบใหญ่
   ทุ่มกายใจเพื่อลูกปลูกสร้างสรรค์
    ยามแก่เฒ่าอ่อนล้าเฝ้ารอวัน
    ลูกจะหันไม่ลาลับกลับมาแล

    ร่างชราโรยแรงหลังโก่งงุ้ม
    รอลูกอุ้มประคองตอนย่ำแย่
    ป้อนข้าวน้ำเช็ดตัวไม่เปลี่ยนแปร
    ชื่นใจแท้กตัญญูเจ้ารู้คุณ

    ใครที่ไหนมาเฝ้าไม่เท่าลูก
    เจ้าบุญปลูกของพ่อที่อบอุ่น
    เป็นลูกรักน้ำใจเอื้อการุณ
    นับเป็นบุญพ่อแม่แก่ชรา

     เมื่อถึงยามชีพวายตายจากร่าง
     ไม่อ้างว้างมีลูกเฝ้ารักษา
     เมื่อสิ้นใจได้ลูกช่วยปิดตา
     ปรารถนาเพียงนี้ที่เฝ้ารอ............

2

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

2 มกราคม 2013 บันทึกของ Flower บ้านกลอน บ้านเรา


Flower Panphan



  • คำว่าบ้านคือสถานที่พักพิง
    ได้แอบอิงอาศัยได้ไออุ่น
    มีรักใคร่ไมตรีมีการุณ
    มีน้ำใจเจือจุนทุนสังคม

    บ้านกลอนคือบ้านเราที่เนานาน
    เราเบิกบานบ้านนี้มีเงาร่ม
    มีเพื่อนพ้องพี่น้องปองชื่นชม
    ร่วมภิรมย์อ่านเขียนเวียนคำกลอน

    ณ บ้านนี้เวียนมาพักอาศัย
    บ้างจากไปบ้างก็ลามาผลัดผ่อน
    บ้างหายหน้าไปนานเพื่อนอาวรณ์
    เชิญชวนย้อนกลับมาต่างอาลัย

    ตั้งคำกลอนบทกวีมีหลายหลาก
    มีเรื่องมากตั้งประเด็นเช่นปราศัย
    มีปัญหาขัดข้องบ้างหมองใจ
    เคลียร์กันได้พี่น้องปรองปรีดา

    บ้างติติงท้วงถามตามสงสัย
    บ้างน้อยใจบ่นท้อครหา
    ธรรมดาโลกนี้อนิจจา
    ต่างนินทาสรรเสริญเจริญใจ

    บางกะทู้เรื่องสั้นนั้นสนุก
    บางทีทุกข์อ่านแล้วน้ำตาไหล
    นี่แหละหนารสชาติบ้านกลอนไทย
    จากถิ่นไหนล้วนร่วมรักสามัคคี